Calcium Chloride – แคลเซียมคลอไรด์
Home » สินค้า » Calcium Chloride – แคลเซียมคลอไรด์

Calcium Chloride – แคลเซียมคลอไรด์

 

แคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ใช้มากในงานอุตสาหกรรมทั่วไป อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหรรมการเกษตร เป็นสารที่ดูดซับความชื้น และละลายได้ดีในน้ำ เมื่อละลายน้ำจะเกิดกรดไฮโดรคลอริก และเกิดแคลเซียมประจุบวก

ชื่อผลิตภัณฑ์ : CALCIUM CHLORIDE | แคลเซียมคลอไรด์

สูตรเคมี : CaCl2

ORIGIN : CHINA & JAPAN | จีน และ ญี่ปุ่น

PACKING (Kg) : 25kg

INQUIRY | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

รายละเอียดเพิ่มเติม

ลักษณะจำเพาะ 
  • ลักษณะ : ของแข็ง สีขาวเงิน
  • จุดหลอมเหลว : 851 องศาเซลเซียส
  • ความร้อนในการหลอมเหลว : 2.23 kcal/mol
  • จุดเดือด : 1,482 องศาเซลเซียส
  • ความร้อนในการกลายเป็นไอ : 36.7kcal/mol ที่ 1,482 องศาเซลเซียส
  • ความหนาแน่น : 1.54 g/cc ที่ 20 องศาเซลเซียส
  • ความร้อนเมื่อเผาไหม้ : 151.9 cal/g
ประโยชน์แคลเซียมคลอไรด์ 
  • งานเทคอนกรีตนิยมใช้แคลเซียมคลอไรด์เป็นสารเร่งการแข็งตัว และเพิ่มกำลังรับแรงอัดของคอนกรีตในช่วงอายุต้นๆ
  • สารละลายแคลเซียมคลอไรด์นิยมใช้รักษา และยืดอายุผลผลิตทางการเกษตร เช่น ผัก ผลไม้หลายชนิด โดยการฉีดพ่นสารละลายทั้งก่อน และหลังการเก็บเกี่ยว หรือจุ่มผลผลิตในสารละลายโดยตรง
  • ในอุตสาหกรรมบางชนิด นิยมใช้แคลเซียมคลอไรด์สำหรับดูดซับความชื้นหรือดูดซับน้ำออกจากตัวทำละลาย
  • ในอุตสาหกรรมอาหารผลไม้กระป๋อง นิยมใช้แคลเซียมคลอไรด์เพื่อเพิ่มความกรอบให้แก่ผลไม้
  • ในอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ นิยมใช้แคลเซียมคลอไรด์เพิ่มความนุ่มของผลิตภัณฑ์เนื้อต่างๆ เช่น เนื้อโค เนื้อไก่ เป็นต้น
  • ในอุตสาหกรรมบางชนิด นิยมใช้แคลเซียมคลอไรด์สำหรับสำหรับยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ในอาหาร
  • ในอุตสาหกรรมอาหารบางชนิด นิยมใช้แคลเซียมคลอไรด์เพื่อเพิ่มรสชาติ และสกัดโปรตีนออกจากเนื้อ เช่น การผลิตไส้กรอก การผลิตเนื้อหมัก
พิษของแคลเซียมคลอไรด์ 
  • สามารถกัดกร่อนโลหะให้เกิดสนิม หากใช้ในงานเทคอนกรีตมักทำให้คอนกรีตมีการหดตัว และคอนกรีตมีความต้านทานซัลเฟตลดลง
  • สารละลายมีฤทธิ์เป็นกรด (กรดไฮโดรคลอริก) ทำให้เกิดการระคายเคืองเมื่อสัมผัส ทั้งบริเวณผิวหนัง และตา หากสัมผัสกับสารละลายที่มีความเข้มข้นมากจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองอย่างรุนแรงทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตายได้
  • การใช้แคลเซียมคลอไรด์ในผลิตภัณฑ์ผัก ผลไม้ และอาหารทุกชนิด อาจมีการตกค้างของคลอรีนทำให้เกิดความเป็นพิษได้ นอกจากนั้น ผลของการตกค้างของคลอรีนมักทำให้อาหารมีกลิ่นไม่น่ารับประทาน และมีรสขม
ข้อควรระวังในการใช้
  • ขณะใช้ต้องสวมผ้าปิดจมูก แว่นตากันสารเคมี สวมเสื้อผ้า รองเท้าบูท สวมถุงมือ และอุปกรณ์ป้องกันสารเคมีอื่นๆทุกครั้ง
  • เมื่อละลายน้ำไม่ควรสูดดม เพราะจะได้รับไอระเหยของคลอรีนได้ง่าย
  • ระวังการสัมผัสกับโลหะทุกชนิด เพราะจะเกิดการกัดกร่อน
การจัดเก็บ
  • เก็บไว้ในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท
  • เก็บไว้บริเวณที่อุณหภูมิต่ำ และแห้ง
  • เก็บให้ห่างจากความร้อน แหล่งกำเนิดความร้อน หรือบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง
  • เก็บไว้ให้ห่างจากน้ำ หรือ บริเวณที่มีความชื้นสูง
  • แหล่งจัดเก็บสามารถเข้าออกได้สะดวก

Go to Top